Modal Auxiliary Verbs ก็คือ กริยาช่วย มีทั้งหมด 13 ตัวด้วยกัน โดยแต่ละตัวนั้นมีความหมาายและการใช้ที่แตกต่างกันออกไป การใช้งานมีตั้งแต่ในรูปประโยคบอกเล่า [Affirmative sentence] คำถาม [Interrogative sentence] ปฏิเสธ [Negative sentence] นั้นมีการวางตำแหน่งประธานและ Modal verbs กันอย่างไร สำหรับโครงสร้างต่างๆนั้นสามารถแสดงได้ดังต่อไปนี้
รูปประโยคบอกเล่า [Affirmative sentence]
การใช้งานในรูปประโยตบอกเล่ามีอยู่ 2 แบบ
1. แบบแรกคือ Auxiliary+The simple form of a Verb
Can Olga can speak english.
Could He couldn't come to class.
may It may rain tomorrow.
might It might rain tomorrow.
should Mary should study harder.
had better I had better study to night.
must Billy! You must listen to me.
will I will be in class tomorrow.
would Would you please close the door ?
2. แบบ Auxiliary หรือกริยาช่วย ตามด้วย to + simple form of a verb
have to I have to study tonight.
have got to I have got to study tonight.
be able to kate is able to study harder.
ought to kate ought to study harder.
วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557
วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557
Object of Prepositions คำบุพบท
Object of Prepositions คำบุพบท (ถอดบทเรียนที่ 6-4)
ในหลายประโยคของภาษาอังกฤษมักจะประกอบไปด้วยวลีของบุพบท (preposition phrases)
ยกตัวอย่างเช่น I put her book on the desk
On the desk คือ วลีของบุพบท (preposition phrases) ซึ่ง วลีของบุพบท (preposition phrases) ประกอบด้วย บุพบท และ กรรมของบุพบท โดยกรรมของ บุพบทคือคำนาม
ลิสต์ของคำบุพบท
ในหลายประโยคของภาษาอังกฤษมักจะประกอบไปด้วยวลีของบุพบท (preposition phrases)
ยกตัวอย่างเช่น I put her book on the desk
On the desk คือ วลีของบุพบท (preposition phrases) ซึ่ง วลีของบุพบท (preposition phrases) ประกอบด้วย บุพบท และ กรรมของบุพบท โดยกรรมของ บุพบทคือคำนาม
คำบุพบทแสดงตำแหน่ง (preposition of position/location)
เช่น above ( ข้างบน เหนือ) , across from ( อีกฝั่งหนึ่งของ) , at the top of ( ด้านบนสุดของ) , at the bottom of ( ด้านล่างสุดของ) , at the back of ( ด้านหลัง) , behind/in back of ( ข้างหลัง) , beside ( ข้าง ๆ) between ( ระหว่าง) , by ( ข้าง ๆ ใกล้ ถัดจาก ติดกับ) , in front of ( ข้างหน้า) , in the middle of ( ตรงกลาง) , near ( ใกล้) , next to ( ถัดจาก ติดกับ) , on top of ( บน ด้านบนของ) , opposite ( ตรงข้าม) , underneath ( ข้างใต้ ข้างล่าง) เป็นต้น
ตัวอย่างประโยตที่ใช้คำบุพบท
The light is above the desk.
She lives in the room across from mine.
I put your name at the top of the list.
Can I borrow the book which is at the bottom of the pile?
My husband likes to sit at the back of the cinema.
My son was hiding behind me while playing hide-and-seek with his friends.
The most comfortable chair is the one beside the window
The little girl is sitting between her father and mother.
The big mango tree by the river was blown down last week.
There was a woman standing in front of me.
Henry was sitting alone in the middle of the yard.
My house is near LSI University.
The nearest bank is next to that convenience store.
The secretary started piling the books on top of each other.
The fresh market is opposite the hospital.
I found the key I had lost underneath the newspaper.
She lives in the room across from mine.
I put your name at the top of the list.
Can I borrow the book which is at the bottom of the pile?
My husband likes to sit at the back of the cinema.
My son was hiding behind me while playing hide-and-seek with his friends.
The most comfortable chair is the one beside the window
The little girl is sitting between her father and mother.
The big mango tree by the river was blown down last week.
There was a woman standing in front of me.
Henry was sitting alone in the middle of the yard.
My house is near LSI University.
The nearest bank is next to that convenience store.
The secretary started piling the books on top of each other.
The fresh market is opposite the hospital.
I found the key I had lost underneath the newspaper.
วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557
การออกเสียง Can และ Can't ที่ถูกต้อง
การออกเสียง Can และ Can't ที่ถูกต้อง ในสไตล์อังกฤษแบบอเมริกัน (How to tell the difference between CAN and CAN'T in American English pronunciation )
Subject, Verb, and Object ประธาน กริยา และกรรม รูปแบบประโยคในภาษาอังกฤษ (ถอดบทเรียน 6-3)
Subject, Verb, and Object ประธาน กริยา และกรรม รูปแบบประโยคในภาษาอังกฤษ (ถอดบทเรียน 6-3)
ในรูปแบบประโยคภาษาอังกฤษจำเป็นจะต้องมี ประธาน (subject) และ กริยา (verb) อยู่ด้วยกันเสมอ โดยประธานคือ คำนาม ในตัวอย่างที่ (1) : Sun คือคำนาม และกริยาก็คือ Shines
Subject Verb
(1) The Sun Shines
(noun) (verb)
บางครั้ง กริยาก็จะอยู่หน้า กรรมของปรโยค Object (o) และ Object ของประโยคก็คือคำนาม ในตัวอย่างที่ (2) need คือคำกริยาของกรรม water
(2) Subject Verb Object
Plants need Water
(noun) (verb) (noun)
ในรูปแบบประโยคภาษาอังกฤษจำเป็นจะต้องมี ประธาน (subject) และ กริยา (verb) อยู่ด้วยกันเสมอ โดยประธานคือ คำนาม ในตัวอย่างที่ (1) : Sun คือคำนาม และกริยาก็คือ Shines
Subject Verb
(1) The Sun Shines
(noun) (verb)
บางครั้ง กริยาก็จะอยู่หน้า กรรมของปรโยค Object (o) และ Object ของประโยคก็คือคำนาม ในตัวอย่างที่ (2) need คือคำกริยาของกรรม water
(2) Subject Verb Object
Plants need Water
(noun) (verb) (noun)
วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557
Prural Form of Nouns คำนามในรูปพหูพจน์
Plural Form of Nouns คำนามในรูปพหูพจน์ (การถอดบทเรียน Grammar 6-1)
(a) การแปลงอยู่ในรูปเอกพจน์ส่วนใหญ่จะเติม -s ต่อท้าย เช่น
ในรูปของเอกพจน์ one bird, one street, one rose
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two birds, two streets, two roses.
(b) สำหรับคำนามที่ลงท้ายด้วย -sh, -ch, -ss และ -x ให้เติม -es ต่อท้าย เช่น
ในรุปของเอกพจน์ one dish, one match, one class, one box
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two dishes, two matches, one classes, two boxes
(c) สำหรับคำนามที่ลงท้ายด้วย -y ให้ตัด y เปลี่ยนเป็น -ies ยกเว้นในกรณีที่ก่อนหน้า y เป็นสระในภาษาอังกฤษ (a,e,i,o,u) ในคงรูปเดิมแล้วเติม s ต่อท้าย เช่น
ในรุปของเอกพจน์ one baby,one city
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two babies, two cities
กรณีที่ก่อนหน้า y เป็นสระในภาษาอังกฤษ (a,e,i,o,u) ในคงรูปเดิมแล้วเติม s ต่อท้าย เช่น
ในรุปของเอกพจน์ one toy,one key
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two toys,two keys
(d) ถ้าคำนามลงท้ายด้วย -fe หรือ -f ให้ตัด f หรือ fe แล้วเปลี่ยนเป็น -ves ยกเว้น beliefs, chiefs, roofs, cuffs,cliffs.
ในรุปของเอกพจน์ one knife,one shelf
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two knives,two shelves
(e) คำนามลงท้ายด้วย -o บางครั้งใช้ -oes หรือ -os
-oes: tamatoes, potatoes,heroes,echoes
-os: zoos, radios, studios, pianos, solos, sopranos, photos, autos, videos
-oes หรือ -os : zeroes/zeros , volcanoes/volcanos, mosquitoes/mosquitos.
(f) บางคำนามจะเปลี่ยนรูปพหูพจน์ไปเลย เราเรียกว่า irregular verb
ในรุปของเอกพจน์ one child,one foot, one goose, one man, one mouse, one tooth, one women
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two children, two feet, two geese, two men, two mice,two teeth, two women, two people (คำว่า people กล่าวถึงคนหลายคนอยู่แล้ว)
(g) บางคำนามจะเปลี่ยนรูป เช่น
ในรุปของเอกพจน์ one deer,one fish, one sheep
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two deer, two fish, two sheep
(h) บางคำนามของอังกฤษก็ยืมคำนามของต่างประเทศมาใช้ เช่น
ในรุปของเอกพจน์ one bacterium, one crisis
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two bacteria, two crises
Hollywood College is best ESL Language School (www.hollywoodcollege.edu)
(a) การแปลงอยู่ในรูปเอกพจน์ส่วนใหญ่จะเติม -s ต่อท้าย เช่น
ในรูปของเอกพจน์ one bird, one street, one rose
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two birds, two streets, two roses.
(b) สำหรับคำนามที่ลงท้ายด้วย -sh, -ch, -ss และ -x ให้เติม -es ต่อท้าย เช่น
ในรุปของเอกพจน์ one dish, one match, one class, one box
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two dishes, two matches, one classes, two boxes
(c) สำหรับคำนามที่ลงท้ายด้วย -y ให้ตัด y เปลี่ยนเป็น -ies ยกเว้นในกรณีที่ก่อนหน้า y เป็นสระในภาษาอังกฤษ (a,e,i,o,u) ในคงรูปเดิมแล้วเติม s ต่อท้าย เช่น
ในรุปของเอกพจน์ one baby,one city
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two babies, two cities
กรณีที่ก่อนหน้า y เป็นสระในภาษาอังกฤษ (a,e,i,o,u) ในคงรูปเดิมแล้วเติม s ต่อท้าย เช่น
ในรุปของเอกพจน์ one toy,one key
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two toys,two keys
(d) ถ้าคำนามลงท้ายด้วย -fe หรือ -f ให้ตัด f หรือ fe แล้วเปลี่ยนเป็น -ves ยกเว้น beliefs, chiefs, roofs, cuffs,cliffs.
ในรุปของเอกพจน์ one knife,one shelf
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two knives,two shelves
(e) คำนามลงท้ายด้วย -o บางครั้งใช้ -oes หรือ -os
-os: zoos, radios, studios, pianos, solos, sopranos, photos, autos, videos
-oes หรือ -os : zeroes/zeros , volcanoes/volcanos, mosquitoes/mosquitos.
(f) บางคำนามจะเปลี่ยนรูปพหูพจน์ไปเลย เราเรียกว่า irregular verb
ในรุปของเอกพจน์ one child,one foot, one goose, one man, one mouse, one tooth, one women
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two children, two feet, two geese, two men, two mice,two teeth, two women, two people (คำว่า people กล่าวถึงคนหลายคนอยู่แล้ว)
(g) บางคำนามจะเปลี่ยนรูป เช่น
ในรุปของเอกพจน์ one deer,one fish, one sheep
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two deer, two fish, two sheep
(h) บางคำนามของอังกฤษก็ยืมคำนามของต่างประเทศมาใช้ เช่น
ในรุปของเอกพจน์ one bacterium, one crisis
จะแปลงอยู่ในรูปพหูพจน์เป็น two bacteria, two crises
Hollywood College is best ESL Language School (www.hollywoodcollege.edu)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)